ข้อคิดวันครู

05 พ.ย. 2565

NOTE:

สัปดาห์นี้เรามีวันสำคัญของเมืองไทยก็คือ วันครูแห่งชาติ ซึ่งเวียนมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา วันนี้มีขึ้นเพื่อย้ำเตือนให้เราระลึกถึงบทบาทหน้าที่ของครูที่มีหน้าที่หล่อหลอมลูกศิษย์ให้เป็นคนคุณภาพของสังคม โดยครูนั้นมีหน้าที่สอนศิษย์ทั้งทักษะความรู้ทางวิชาการและการใช้ชีวิต ฉะนั้นแล้วเมื่อเราหวนระลึกถึงครูจึงไม่ได้มีแค่ครูในโรงเรียน แต่ยังรวมถึงครูคนแรกอย่างพ่อแม่ของเรา และผู้ที่ผ่านเข้ามาให้ข้อคิดดีๆกับเราในชีวิตด้วย ด้วยตระหนักถึงหน้าที่ที่สำคัญของครู ดิฉันในฐานะที่เคยทำหน้าที่เป็นครูและยังมีบทบาทเป็นแม่ของลูกจึงอยากร่วมแชร์ข้อคิดในการสอนเด็กรุ่นใหม่ในการรับมือกับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการเตรียมความพร้อมสำหรับโลกในยุคหน้า

หากเรามองพัฒนาการของโลกในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาจะพบว่า ในยุคที่ผ่านมานั้นเป็นยุคที่คนมีข้อมูลข่าวสารหรือ Information เป็นใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจากสมัยก่อนเราไม่มีอินเตอร์เน็ตแพร่หลายในปัจจุบัน การจะรับรู้ข้อมูลข่าวสารไม่ว่าจะที่ใดในโลกแบบทันสถานการณ์ไม่ใช่เรื่องง่ายและเป็นสิ่งที่มีต้นทุนไม่น้อย ยกตัวอย่างหากเราต้องการทราบอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินใดๆ เราก็ต้องมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลจากตลาดการเงินหรือผู้ให้บริการเฉพาะไม่กี่ราย ซึ่งล้วนมีต้นทุน

นอกจากเรื่องข้อมูลข่าวสารแล้ว สมัยก่อนการที่ใครก็ตามมีความรู้หรือ Knowledge ก็ได้ชื่อว่ามีความได้เปรียบเช่นกัน ทั้งนี้เนื่องจากการเข้าถึงความรู้เฉพาะทางหรือความรู้ในระดับที่สูงขึ้นนั้นจำกัดอยู่กับสถานศึกษาตั้งแต่โรงเรียน มหาวิทยาลัย ไปจนถึงสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ คนที่มีการศึกษาที่สูงก็ย่อมได้เปรียบคนที่การศึกษาน้อยกว่า การได้มาซึ่งความรู้สมัยก่อนจึงมีข้อจำกัดไม่ต่างกับเรื่องข้อมูลข่าวสาร การเข้าถึงความรู้ในยุคที่แล้วจึงมีทั้งต้นทุนและจุดเข้าถึงที่จำกัดไม่ต่างจากข้อมูล

แต่ในยุคปัจจุบันนั้น การมีข้อมูลข่าวสารหรือความรู้นั้นอาจจะไม่ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบอีกต่อไป เนื่องจากอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลและความรู้ต่างๆได้ไม่จำกัดและแทบจะไม่มีต้นทุนใดๆเลย การศึกษาสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะที่บ้าน ที่ทำงาน หรือรถไฟฟ้า เราสามารถรับรู้ข้อมูลและเรียนรู้สิ่งที่เราสนใจได้เสมอ ขณะเดียวกันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยพลังเทคโนโลยีก็มาพร้อมสิ่งยั่วยุมากมายที่เป็นอันตรายต่อสังคมโดยเฉพาะเด็กในยุคนี้ที่เข้าถึงและใช้งานเทคโนโลยีได้รวดเร็วและคล่องแคล่ว

ในฐานะที่เป็นครูและแม่ ดิฉันมองว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรจะมอบให้เด็กในรุ่นนี้เพื่อเผชิญในยุคหน้านั้น คืออุปนิสัยที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างอดทนและมีสติ ดิฉันเคยได้ยินนักปราชญ์ทางตะวันตกเคยกล่าวว่า โดยปกติแล้วถ้าพ่อแม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุด 1 อย่างมอบให้ลูกได้ควรเป็นการศึกษา แต่หากเป็นตัวเขา เขาเลือกที่จะมอบ enthusiasm หรือความกระตือรือร้นให้ลูกแทน ในส่วนนี้ดิฉันมองว่าหากเรามีความกระตือรือร้นที่ดีแล้ว การที่เราจะประสบความสำเร็จในการศึกษาหาความรู้หรือในการทำงาน เราก็ย่อมทำได้ อีกเรื่องที่ดิฉันอยากจะเสริมก็คือ การมีระเบียบวินัยหรือ discipline ทั้งนี้การมีระเบียบวินัยจะช่วยให้เด็กยุคใหม่เป็นคนที่มีสมาธิและจดจ่อในการทำงานต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ไขว้เขวไปกับสิ่งยั่วยุมากมายรอบตัว การมีวินัยในตนเองยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถอดทนทำสิ่งต่างๆให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนในระยะยาวได้อีกด้วย

โดยสรุปแล้ว พ่อแม่ยุคใหม่นอกจากมอบการศึกษาที่ดีให้กับลูกแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับการสร้างอุปนิสัยที่จะช่วยให้พวกเขาเอาตัวรอดและประสบความสำเร็จในยุคหน้าได้ การปลูกฝังอุปนิสัยที่พ่อแม่ควรทำคือการให้ลูกเป็นคนมีความกระตือรือร้นและมีวินัย เพื่อให้ลูกๆมีอุปนิสัยแห่งความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกพัฒนาตนเองได้อย่างยั่งยืนในชีวิตการศึกษา การทำงาน และไม่หวั่นไหวต่อสิ่งยั่วยุรอบตัวที่มาพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันอีกด้วย

Facebook: http://bit.ly/sena_facebook
Youtube: http://bit.ly/sena_youtube
Drkessara: http://bit.ly/drkessara