ปราชญ์แห่งการพัฒนาพลังงานสู่ความยั่งยืน

04 พ.ย. 2565

สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์สำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยในฐานะที่เป็นช่วงเวลาแห่งการรำลึกการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2560 และเราก็มีการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระองค์ท่านด้วย บทความในสัปดาห์นี้ดิฉันจึงขอร่วมน้อมรำลึกถึงพระปรีชาสามารถในด้านพลังงานและการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อเป็นแนวทางให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้น้อมนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันและนำพาความเจริญมาสู่ตนเองและส่วนรวมต่อไปค่ะ


ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นและตระหนักในพระปรีชาสามารถในด้านการพัฒนาของพระองค์ท่าน ในฐานะที่มีบทบาทบริหารในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดิฉันเล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาธุรกิจที่มีความยั่งยืน และรู้สึกประทับใจกับแนวคิดในเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ของพระองค์ท่านมากค่ะ เนื่องด้วยพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาโดยแท้จริง ทรงเห็นคุณค่าจากสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีค่า ให้กลับมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น ดั่งพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสความตอนหนึ่ง จากหนังสือคำพ่อสอน ในโครงการตามรอยเบื้องพระยุคลบาทด้วยความรักและความดี 60 ปี 60 ล้านความดีถวายในหลวง น้อมเกล้าถวายในหลวงที่ว่า “…ข้อสำคัญเราต้องรู้จักใช้ทรัพยากรนั้นอย่างฉลาด คือไม่นำมาทุ่มเทใช้ให้สิ้นเปลืองไปโดยไร้ประโยชน์หรือได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า…”


ท่ามกลางสภาวะโลกร้อนและการขาดแคลนพลังงานที่กำลังเป็นปัญหาที่ทั่วโลกต่างเผชิญอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การมองหาแหล่งพลังงานทดแทนโดยเฉพาะพลังงานสะอาดที่จะช่วยรักษาโลกของเราให้มีสภาวะที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ จึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ทุกคนต่างต้องตระหนักและให้ความสำคัญยิ่ง ดังนั้นเมื่อมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆขึ้นมา จึงต้องคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและไม่เกิดการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากโซลาร์เซลล์จึงเป็นคำตอบค่ะ เพื่อให้บ้านในทุกๆโครงการมีความเป็นบ้านพอเพียงและมีความยั่งยืนทางพลังงาน เราจึงมีการติดโซลาร์เซลล์เพื่อให้โครงการนั้นๆสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเลี้ยงตัวเองได้และเป็นการใช้แสงอาทิตย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ปล่อยผ่านไปเฉยๆค่ะ

ดังนั้นแล้ว ดิฉันเชื่อมั่นค่ะว่า หากทุกคนต่างน้อมนำเอากระแสพระราชดำรัสและแนวทางตามพระราชดำริต่างๆอย่างเช่น เศรษฐกิจพอเพียง ที่พระองค์ท่านทรงมอบให้พสกนิกรชาวไทยตลอดช่วง 70 ปีแห่งการครองราชย์มาปรับใช้ในทุกๆระดับ เมืองไทยเราจะเป็นเมืองที่น่าอยู่ มีความยั่งยืน และอยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางความท้าทายต่างๆที่กำลังถาโถมโลกในปัจจุบันได้ค่ะ