10 ข้อ ขับรถหน้าฝน ไม่เสี่ยงตาย

31 ต.ค. 2565

การวิจัยพบว่า ช่วงฝนเริ่มตกใน 10 นาทีแรก เป็นช่วงที่รถมีโอกาสลื่นไถลมากที่สุด เพราะน้ำฝนจะชะล้างคราบดิน และฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนนซึ่งมีลักษณะคล้ายการละเลงโคลน ดังนั้น การลดความเร็วของรถ จึงเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่

ตรวจเช็กไฟส่องสว่างทุกดวง ต้องพร้อมใช้งาน
- สัญญาณไฟสำคัญมากในหน้าฝน ไฟดวงใดขาดไป อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ตรวจเช็กเบรค หากเกิดอาการเบรคแล้วสั่นสู้เท้า ควรเปลี่ยนทันที
- นอกจากพบอาการเบรกสั่นสู้เท้า หากต้องใช้ระยะในการเบรคมากกว่าปกติ ก็ควรเปลี่ยนทันที

ตรวจสอบสภาพยาง เติมลมยางให้มากกว่าปกติ 2-3ปอนด์/ตารางนิ้ว
- ล้อรถจะต้องอยู่ในสภาพที่ดี พร้อมใช้งานเสมอ

ไม่ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินตอนฝนตกหนัก เปิดแค่ไฟหน้ารถก็พอ
- เพราะเวลาเราจะใช้ไฟเลี้ยว รถคันอื่นจะไม่รู้ว่าเราต้องการเลี้ยวด้านไหน อาจเข้าใจผิดว่ารถเสียแทน

ไม่ขับชิดคันหน้า เว้นระยะห่าง 10-15 เมตร เพื่อความปลอดภัย
- เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ชนท้ายรถคันหน้า ในกรณีที่มีเหตุการณ์กระชั้นชิดขึ้น

ไม่เบรกทันที เมื่อรถลื่นไหลให้ลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำและค่อยเบรก
- การเบรกกะทันหัน อาจทำให้เราเบรกไม่อยู่ หรือเสียการควบคุมจากการลื่นไถลไปชนรถคันหน้า คันหลังก็อาจชนท้ายเรา

ลดความเร็ว ใช้ความเร็วที่ 60 กม/ชม เพื่อการควบคุมรถขณะฝนตก
- หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด อาจทำให้การควบคุมรถได้ดีกว่ารถที่วิ่งมาด้วยความเร็ว

เปิดที่ปัดน้ำฝนระดับปานกลาง แล้วค่อยปรับความหน่วงตามระดับของฝน
- หากปัดน้ำฝนไปไม่เกลี้ยง หรือมีเสียงเอี๊ยดเสียงเสียดสีกับกระจก ต้องรีบเปลี่ยนทันที

ขับช้าเมื่อเจอน้ำท่วมขัง ลดความเร็ว กันน้ำกระเด็นเข้าเครื่องยนต์
- เครื่องยนต์คือส่วนสำคัญของรถ หากน้ำเข้าถึงตัวเครื่องย่อมเกิดความเสียหายตามมา

เลี่ยงถนนที่เป็นแอ่งน้ำ ยางรถอาจรีดน้ำออกจากยางรถไม่ทัน ทำให้รถเสียการควบคุม
- อาการยางเหินน้ำ จะเกิดขึ้นขณะถนนเปียก มีน้ำเพิ่มมากขึ้นบนพื้นถนน หากยางรถไม่สามารถรีดน้ำออกจากยางได้ทัน จะทำให้หน้ายางและดอกไม่ได้สัมผัสพื้นถนน ทำให้ยางหมุนอยู่บนฟิล์มน้ำแทน รถอาจเสียการควบคุม และลื่นไถลได้

ไม่ว่าจะฝนตกหรือไม่ สิ่งที่เราคนขับรถควรทำ ก็คือการตรวจเช็กสภาพรถสม่ำเสมอ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ไม่เฉพาะฤดูฝนนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : สพฉ., กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

รวบรวมเนื้อหาสาระ ส่งมอบความสุข ความบันเทิง ให้เพลิดเพลินไปกับการอ่าน
Facebook: http://bit.ly/sena_facebook
Youtube: http://bit.ly/sena_youtube