Growth กับประสิทธิภาพ

05 พ.ย. 2565

NOTE:

ในเชิงของการทำงานจริงนั้น ผู้บริหารในภาคธุรกิจจำเป็นจะต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ต้องโฟกัสสิ่งใดสิ่งหนึ่งและดำเนินกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางดังกล่าวภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ โดยมากแล้วธุรกิจจะต้องเลือกระหว่าง Growth กับประสิทธิภาพทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้อง trade off กันในการทำธุรกิจ หากผู้บริหารเลือกที่จะสร้าง Growth ก็ต้องผ่อนเรื่องประสิทธิภาพไป หากจะมุ่งในการปรับปรุงประสิทธิภาพ ก็ไม่ต้องแลกกับการที่ธุรกิจจะไม่สามารถสร้าง Growth ที่มากได้

ทั้งนี้เนื่องจาก Growth หรือการเจริญเติบโตนั้นมักจะหมายถึงการขยายตัวหรือเพิ่มขึ้นในมิติต่างๆในการดำเนินธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเรื่องยอดขาย ส่วนแบ่งตลาด กำลังคน การเปิด segment หรือผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงธุรกิจต้องมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นเพื่อให้เกิดการขยายตัวขึ้นของกิจกรรมในการดำเนินงาน

ซึ่งในแง่นี้ Growth จึงเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับประสิทธิภาพ เนื่องจากการพัฒนาประสิทธิภาพนั้นมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรต่างๆที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่าสูงสุด โดยที่อาจเป็นเรื่องของการมุ่งลดต้นทุนต่างๆเพื่อให้ได้ยอดขายเท่าเดิม หรือการที่ใช้ทรัพยากรในองค์กรในปริมาณเท่าเดิมเพื่อให้ได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ลดการสิ้นเปลือง

โดยสรุปแล้วเราจึงไม่สามารถสร้าง Growth ไปพร้อมๆกับประสิทธิภาพได้ เนื่องจากการสร้าง Growth นั้นจำเป็นต้องเพิ่มการใช้ทรัพยากรและมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่การมุ่งไปที่ประสิทธิภาพนั้นองค์กรจะใส่ใจไปที่การลดต้นทุนต่อหน่วยของการดำเนินงานลง

คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วท้ายที่สุดธุรกิจควรเลือกที่จะโฟกัสไปที่ Growth หรือประสิทธิภาพกันแน่ ประสบการณ์ของดิฉันในฐานะผู้ประกอบการเห็นว่าธุรกิจสามารถเลือกโฟกัสได้ทั้ง 2 อย่าง ทั้งนี้ขึ้นกับอุตสาหกรรมที่เราแข่งขันนั้นอยู่ในช่วงใดของวงจรธุรกิจ หากว่าธุรกิจอยู่ในช่วงของวัฏจักรขาขึ้น สินค้าที่ออกมาเป็นสินค้านวัตกรรมที่กำลังติดตลาด ธุรกิจก็ควรมุ่งเน้นที่การเติบโต แต่ถ้าหากว่าผลิตภัณฑ์ที่เราขายอยู่นั้นมีช่องทางการตลาดที่จำกัดและคู่แข่งในตลาดก็มีมาก ธุรกิจก็ควรมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพเพื่อรักษาระดับกำไรเอาไว้

เรื่องของการเลือกระหว่าง Growth กับประสิทธิภาพนี้ก็มีข้อคิดที่น่าสนใจที่ดิฉันได้มาจากหนังสือ Jeff Bezos: In His Own Words เช่นกัน โดยหนังสือเล่มนี้ได้เจาะลึกถึงประสบการณ์และข้อคิดจาก Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลก Bezos กล่าวว่า ธุรกิจควรทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดไปตรงจุดที่การเปลี่ยนแปลงเพียง 1% มีความหมายต่อทั้งบริษัท แทนที่การเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นอีก 1% คำกล่าวของ Bezos นี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่มุ่งไปที่การสร้าง Growth ก่อนประสิทธิภาพ อันสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Amazon ที่เติบโตในแง่ของยอดขายและการขยาย Segment ใหม่ๆของธุรกิจทั้งค้าปลีก การขนส่ง สตรีมมิ่ง คลาวด์ ประสบการณ์ของ Amazon เป็นการตอกย้ำว่า การที่ผู้บริหารเลือกที่จะโฟกัสในจุดไหนนั้นต้องสำรวจว่า ธุรกิจของเราอยู่ในช่วงไหนของวงจรธุรกิจ เป็นอุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัวหรืออิ่มตัวแล้ว

โดยสรุปแล้ว ธุรกิจมีสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจเลือกและกำหนดทิศทางอยู่เสมอ ทางเลือกหลักๆก็คือ จะเลือกอะไรระหว่าง Growth หรือ ประสิทธิภาพ ในทางปฏิบัติธุรกิจสามารถเลือกได้ทั้ง 2 ทางโดยปัจจัยหลักในการพิจารณาก็คือ สภาพปัจจุบันของอุตสาหกรรมที่เราแข่งขันอยู่นั้นอยู่ในจุดที่กำลังขยายตัวหรืออิ่มตัวแล้ว หากอยู่ในช่วงที่ขยายตัวก็ควรที่จะทุ่มเททรัพยากรไปกับการสร้าง Growth เป็นหลัก แต่หากอุตสาหกรรมนี้อิ่มตัวหรือขยายตัวไม่มาก ธุรกิจควรมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทั้งนี้ธุรกิจไม่สามารถมุ่งสร้าง Growth พร้อมกับประสิทธิภาพได้ เนื่องจากธรรมชาติที่ตรงข้ามกันที่การสร้าง Growth นั้นก่อให้เกิดค่าใช้จ่าย ขณะที่การสร้างประสิทธิภาพนั้นมุ่งที่การลดรายจ่าย ฉะนั้นแล้วเป็นหน้าที่ของผู้บริหารที่จะต้องวิเคราะห์สภาพอุตสาหกรรมออกมาเพื่อกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมต่อไป

รวบรวมเนื้อหาสาระ ส่งมอบความสุข ความบันเทิง ให้เพลิดเพลินไปกับการอ่าน
Facebook: http://bit.ly/sena_facebook
Youtube: http://bit.ly/sena_youtube
Drkessara: http://bit.ly/drkessara