ในแต่ละปีเรามักจะได้ยินคำสัญญา เสมือน Theme หลักของการทำธุรกิจในปีนั้นๆ สำหรับในปี 2561 นี้ เรามักจะได้ยินคำว่า นวัตกรรม กันบ่อยมาก ผู้ประกอบการในปีนี้มักจะพูดถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆออกสู่ตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วของผู้บริโภคและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งหากมองในมุมของผู้บริโภค นวัตกรรมมักจะหมายถึงการที่ผลิตภัณฑ์มีสิ่งใหม่เข้ามาแตกต่างไปจากเดิม ก่อให้เกิดประโยชน์หรือประสบการณ์ใช้งานใหม่ๆกับผู้บริโภค

แต่ในฐานะผู้ประกอบการ ดิฉันมองว่านวัตกรรมไม่ได้มีเพียงแค่มุมของลูกเล่นหรือประโยชน์ใช้สอยใหม่ๆที่เกิดกับตัวผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่นวัตกรรมนั้นสามารถเกิดขึ้นในมุมของประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับผู้ผลิตตลอดกระบวนการ Supply Chain ที่ร่วมสร้างผลิตภัณฑ์นั้นได้เช่นกัน ซึ่งในมุมนี้คุณค่าของนวัตกรรมจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น เกิดการประหยัดต้นทุนและใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า นวัตกรรมในมุมนี้ยังส่งคุณค่าไปถึงมือผู้บริโภคที่จะได้รับสินค้าแบบเดิมในราคาที่ถูกลง ถึงมือเร็วขึ้น นวัตกรรมจึงมีทั้งมุมของอุปสงค์คือ การสร้างประสบการณ์หรือลูกเล่นใหม่ๆให้กับผู้ซื้อ และอุปทานที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพ ลดต้นทุนให้กับผู้ผลิต

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับนวัตกรรมนั่นคือ การมีนวัตกรรมเกิดขึ้นนั้นไม่ได้หมายความว่าสินค้าจะต้องแพงขึ้นตามไปด้วย ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความชัดเจนในแง่ของกลุ่มเป้าหมายหรือ segment ของสินค้าที่ชัดเจน และพัฒนานวัตกรรมที่มุ่งตอบสนองความต้องการและยกระดับประสบการณ์ใช้งานของผลิตภัณฑ์กับลูกค้ากลุ่มนั้นๆ มิฉะนั้นแล้วจะกลายเป็นว่านวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นกลับกลายเป็นการเปลี่ยนกลุ่ม segment โดยไม่ได้ตั้งใจและเกิดปัญหาในแง่การสื่อสารคุณค่าผลิตภัณฑ์กับกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดได้ ยกตัวอย่างเรื่องสายการบินที่มีทั้งแบบตั๋วที่นั่งชั้นประหยัดและชั้นธุรกิจ ที่นั่งชั้นธุรกิจนั้นจะมีจุดต่างตรงที่การบริการที่เหนือระดับเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง มีที่นั่งที่กว้างกว่าชั้นประหยัดและมีอาหารที่อร่อยกว่า ขณะที่ชั้นประหยัดนั้นเน้นกลุ่มผู้โดยสารที่มีกำลังซื้อเป็นตลาด mass ในราคาที่ถูกกว่า

 
                         
                         
                         
                         
                                             
                        