หลังจากแบงก์ชาติเปิดรับฟังความเห็นจากสถาบันการเงินและตัวแทนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ตอนนี้ประเด็นเรื่องการออกมาตรการคุมเข้มสินเชื่อบ้านยังเป็นประเด็นร้อนแรงต่อเนื่อง โดยในช่วงนี้เป็นช่วงที่แบงก์ชาติยังเปิดรับข้อคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ อย่างไรก็ตามในแง่ของผู้ประกอบการแล้วยังไม่สามารถวางแผนเตรียมการรับมือกับทิศทางหลังจากนี้ได้เพราะยังไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจนในการบังคับใช้มาตรการคุมสินเชื่อบ้าน อย่างไรก็ตามการออกมาตรการคุมสัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าบ้านหรือ LTV ของแบงก์ชาติถือเป็นนโยบายในลักษณะ macroprudential เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามเกินควบคุม ขณะเดียวกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าและมาตรการดังกล่าวย่อมสร้างผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ อย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยทั้งแบงก์ ผู้ประกอบการ และผู้ซื้อบ้านต่างต้องเตรียมรับมือกับผลกระทบต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นดังนี้

สิ่งแรก ที่เลี่ยงไม่ได้เลยคือ แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนเงินกองทุนสำรองต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ธนาคารพาณิชย์จะต้องกันสำรองเพิ่มตามกฎของ BIS การเปลี่ยนแปลงของเกณฑ์การตั้งสำรองนี้จะส่งผลกระทบต่อการคิดน้ำหนักความเสี่ยงของสินเชื่อบ้านที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สิ่งแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้แบงก์มีต้นทุนด้านการบริหารความเสี่ยงและการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นแล้วแบงก์เองหากต้องการคงระดับการปล่อยสินเชื่อบ้านแบบที่ผ่านมา แบงก์เองก็จะมีภาระที่จะต้องตั้งสำรองสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับค่าน้ำหนักความเสี่ยงที่ปรับเพิ่มขึ้น

 
                         
                         
                         
                         
                                             
                        